หากคุณเป็นคนที่มีปัญหาริมฝีปากบาง คล้ำ หรือแห้งกร้าน เชื่อว่าการฉีดฟิลเลอร์ปากคงเป็นหนึ่งในหัตถการที่อยู่ในลิสต์ของตัวเองอย่างแน่นอน เพราะนอกจากการฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม และเป็นทรงมากขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากดูอิ่มน้ำ และทำให้ริมฝีปากดูอมชมพูมากขึ้นได้ แต่แน่นอนว่า หากคุณไม่ฉีดฟิลเลอร์ปากมาก่อนก็คงจะมีข้อสงสัยหลายอย่างที่ยังคาใจอยู่ Drema Clinic จึงได้รวบรวมเรื่องที่คุณควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากมาให้ทราบกัน แล้วฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานแค่ไหน? มีวิธีเตรียมตัวยังไง? มีวิธีดูฟิลเลอร์ของแท้ยังไงบ้าง? ไปหาคำตอบในบทความนี้ได้เลย!
การฉีดฟิลเลอร์ปากคืออะไร?
การฉีดฟิลเลอร์ปาก คือการฉีดสารเติมเต็มที่เรียกว่า Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปบริเวณริมฝีปาก เพื่อเติมเต็มให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาปากเป็นร่อง ปากแตก ริมฝีปากลอก และริมฝีปากแห้งลอกได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่มีปัญหาปากคว่ำ เพราะการฉีดฟิลเลอร์จะเข้าไปปรับรูปทรงปากให้ดูสวย ได้รูปมากยิ่งขึ้น โดยหลังจากการฉีดจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปปากได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น
การฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม?
เนื่องจากบริเวณริมฝีปาก จะเป็นเนื้อเยื่อที่มีความบอบบางมาก ทำให้ในอาจมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะทำหัตถการ แต่ก็นับว่าเป็นความเจ็บที่สามารถทนได้ ทั้งนี้ แพทย์จะมีการแปะยาชาให้ก่อนฉีดเพื่อลดความเจ็บ ซึ่งจะเจ็บมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่จิ้มเข็มลงบนริมฝีปาก และความหนาของริมฝีปากของแต่ละบุคคล
ฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานแค่ไหน? ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง?
ฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานแค่ไหน? คำตอบคือ การฉีดฟิลเลอร์ปากจะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก รวมถึงรุ่นและยี่ห้อที่ใช้ในการฉีด เนื่องจากฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะมีความแข็ง ความยืดหยุ่น การกระจายตัว ค่าความอุ่มน้ำ และโมเลกุลของฟิลเลอร์ที่ต่างกัน ทำให้ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะมีระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ยังรวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ด้วยเช่นกัน
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากเตรียมตัวยังไง
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก นับว่าเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น โดยวิธีเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากมีดังนี้
- 7 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการทานวิตามินอี (Vitamin E) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวและซึมเข้าไปบริเวณที่ต้องการได้ช้าลง
- 7 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการทานยาแอสไพริน และยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เพราะเป็นกลุ่มยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดออกง่ายและเกิดรอยช้ำได้
- 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการใช้สกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว
- งดการทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะอาหารที่มีรสเค็มจัดอย่างน้อย 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการแวกซ์ โกน หรือดึงขนบริเวณรอบริมฝีปากอย่างน้อย 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์
- หากมีการจองคอร์สทำหน้า นวดหน้า หรือเลเซอร์หน้า ควรจะทำอย่างน้อย 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์
- ก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ จะต้องเข้าพบแพทย์เพื่อพูดคุยและประเมินลักษณะของริมฝีปาก นอกจากนี้หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่ต้องทานประจำควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเสมอ
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก
เมื่อได้ทราบวิธีเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากกันไปแล้ว ก็ไปดูกันดีกว่าว่า การฉีดฟิลเลอร์ปากมีขั้นตอนอะไรบ้าง
- แพทย์ทำการสอบถามความต้องการและประเมินริมฝีปากของคนไข้ เพื่อประเมินว่าควรใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน ในปริมาณเท่าไหร่ สามารถฉีดให้เป็นทรงที่ต้องการได้หรือไม่ และแนะนำทรงปากที่เหมาะกับรูปหน้า
- ทำความสะอาดบริเวณริมฝีปากและแปะยาชาแบบทาทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที หรือประคบเย็นสำหรับคนที่แพ้ยาชา เพื่อลดความเจ็บขณะฉีดฟิลเลอร์ปาก
- แพทย์ทำการฉีดยาชาโดยใช้เทคนิคบล็อคเส้นประสาท เพื่อให้ริมฝีปากบนและล่างชา ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างฉีดฟิลเลอร์
- แพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์ปากและปั้นทรงปากให้ได้ตามทรงที่คนไข้ต้องการ
ฉีดฟิลเลอร์ปากบวมนานไหม?
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก จะมีอาการบวมในช่วง 3-7 วันแรกหลังฉีด แต่จะบวมมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับลักษณะริมฝีปากของแต่ละบุคคล โดยอาการบวมเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นได้เอง และหลังจากปากบวม ทรงปากเริ่มเข้าที่ ก็จะสามารถเห็นผลัพธ์ที่ชัดเจนได้ภายใน 1-2 สัปดาห์หลังฉีด
ฉีดฟิลเลอร์ปากซ้ำบ่อย ๆ ได้ไหม?
โดยทั่วไป หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรรอประมาณ 4 สัปดาห์เพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์เข้าที่ และยุบตัวลงก่อน ซึ่งในช่วงเวลาที่ฟิลเลอร์เข้าที่ แพทย์และคนไข้สามารถตัดสินใจร่วมกันได้ว่า อยากเติมให้มีทรงที่ต้องการและใช้ฟิลเลอร์ปริมาณเท่าไหร่ เนื้อฟิลเลอร์ชนิดใด
ในกรณีที่เพิ่งฉีดฟิลเลอร์ไปได้ไม่นานจากสถานพยาบาลอื่น และต้องการฉีดเพิ่ม ควรจะแจ้งแพทย์และตรวจสอบให้แน่ใจว่า ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นรุ่นใด และต้องไม่เติมจนเยอะไป เพื่อป้องกันการบอบช้ำของริมฝีปาก โดยในกรณีนี้แพทย์จะทำการประเมินสภาพริมฝีปากและแนะนำปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
แต่หากเป็นกรณีที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ซ้ำในจุดเดิม เนื่องจากฟิลเลอร์มีการสลายตัวไปเองตามธรรมชาติ สามารถทำซ้ำบ่อย ๆ ได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการตรวจเช็กฟิลเลอร์ก่อนฉีดว่าเป็นฟิลเลอร์ของแท้หรือไม่
วิธีเช็กฟิลเลอร์ของแท้ สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ในปัจจุบันมีผู้ผลิตฟิลเลอร์ปลอมเข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งฟิลเลอร์ปลอมเหล่านี้ก็มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับฟิลเลอร์แท้จนแทบจะแยกไม่ออก ทำให้หลายคนหลงไปฉีดฟิลเลอร์ปลอมจนเกิดปัญหามากมาย เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน ฟิลเลอร์ไหล เกิดการอักเสบรุนแรง เป็นต้น ที่สำคัญคือฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สามารถสลายได้เองแม้เวลาผ่านไปหลายปี ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้คุณต้องเจอกับปัญหาเหล่านี้ เราไปดูกันดีกว่าว่า มีวิธีเช็กฟิลเลอร์แท้ยังไงบ้าง
1. บรรจุภัณฑ์หรือกล่องของฟิลเลอร์
- กล่องต้องปิดผนึกมาอย่างดี ไม่มีร่องรอยของการแกะ เมื่อแกะมาแล้วตัว Syringe ที่บรรจุฟิลเลอร์จะต้องปิดอยู่ ไม่มีร่องรอยของการแกะหรือตัด ซึ่งคนไข้จะต้องให้แพทย์แกะกล่องให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง
- หากเป็นฟิลเลอร์ของแท้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานโดย อย. ประเทศไทย จะต้องมีฉลากภาษาไทยติดอยู่ข้างกล่องอย่างครบถ้วน และต้องมีรายละเอียดของฟิลเลอร์ทั้ง ราคา วันที่ผลิต และวันที่หมดอายุระบุไว้อย่างชัดเจน ถ้าฟิลเลอร์ที่คลินิกเลือกใช้ไม่มีรายละเอียดภาษาไทยบนกล่อง ก็มีโอกาสที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์เถื่อนสูง
- บนกล่องบรรจุภัณฑ์และหลอดฟิลเลอร์ ต้องระบุ Lot Number และเลขที่อ้างอิงไว้อย่างชัดเจน
- โทรเช็กเลข Lot การผลิต และคลินิกจากบริษัทผู้จัดจำหน่ายได้
2. ราคาของการฉีดฟิลเลอร์
โดยปกติแล้ว ราคาของการฉีดฟิลเลอร์โดยส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ 6,800 บาท/CC ดังนั้น หากพบว่าคลินิกนั้น ๆ มีราคาฟิลเลอร์ที่ถูกมาก ๆ ก็ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าฟิลเลอร์ที่ใช้อาจเป็นฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์เถื่อน
3. ยี่ห้อของฟิลเลอร์
นอกจากฟิลเลอร์ทั้ง 4 ยี่ห้อที่เราได้กล่าวไปข้างต้น อย่าง Juvederm, Belotero, Restylane และ Neuramis ยังมีฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาอีก 13 ยี่ห้อให้คุณเลือกใช้ ดังนี้
- Perfectha Filler
- Yvoire Filler
- Revanesse Filler
- E.P.T.Q. Filler
- Hyabell Filler
- Neauvia Filler
- Teoxane Filler
- Biohyalux Filler
- Definisse Filler
- Neobelle Filler
- Flore Filler
- Biohyalux Filler
- Art Filler
หากเห็นยี่ห้อฟิลเลอร์นอกเหนือจาก 13 ยี่ห้อเหล่านี้ ก็ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่า ฟิลเลอร์นั้นอาจเป็นฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์เถื่อน และควรหลีกเลี่ยงไปจะดีกว่า
4. ความน่าเชื่อถือของคลินิกและแพทย์ผู้ทำการรักษา
นอกจากการเช็กข้อมูลว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้หรือของปลอมแล้ว ยังควรใส่ใจกับการพิจารณามาตรฐานและความน่าเชื่อถือของคลินิกด้วยเช่นกัน โดยควรจะเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีรีวิวจากผู้ใช้บริการที่น่าเชื่อถือ และเลือกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อที่ผ่านมาตรฐาน อย. รวมถึงเป็นฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้น นอกจากนี้ยังควรเลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง และดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ฉีดฟิลเลอร์ปากให้ปากดูอวบอิ่มอย่างปลอดภัย ไว้ใจ Drema Clinic
ได้คำตอบกันไปแล้วว่า ฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานแค่ไหน? มีวิธีเตรียมตัวก่อนฉีดยังไงบ้าง? เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็น่าจะเริ่มคลายความกังวลใจกันได้บ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นไปตามที่คุณต้องการก็คือ การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ซึ่งที่ Drema Clinic ก็เป็นคลินิกที่ใช้แต่ฟิลเลอร์ของแท้ ทุกเคสให้บริการและดูแลอย่างใกล้ชิดโดยหมอปุ๊น หรือ พญ. ปุนญนันท์ บุญชญา แพทย์และผู้บริหาร Drema Clinic แพทย์ด้านผิวหนังและเลเซอร์โดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีประสบการณ์การดูแลเคสกว่าหมื่นเคส ในระยะเวลากว่า 7 ปี แพทย์ทุกท่านที่ Drema Clinic จะเป็นแพทย์ผิวหนังและเลเซอร์ที่มีประสบการณ์สูง นอกจากนี้เรายังมีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงให้คุณเปรียบเทียบผลลัพธ์ได้อีกด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการจองคิวเข้ารับบริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ผ่านช่องทางดังนี้
- โทร: 080-992-6964
- Facebook: Drema Clinic Aesthetics & Laser
- LINE: @dremaclinic
- Instagram: drema.clinic
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/5fcMQwpMyHodi5Ui8