ปัญหาแก้มตอบ โหนกแก้มสูง เป็นปัญหาที่ทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกกังวลและไม่มั่นใจในรูปหน้าของตัวเอง เพราะนอกจากจะทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วนแล้ว ยังทำให้ใบหน้าดูมีอายุ ขาดความอ่อนเยาว์จากใบหน้าที่ซูบผอมได้อีกด้วย ซึ่งหนึ่งในหัตถการที่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้และได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานก็คือ การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ
ซึ่งในบทความนี้ Drema Clinic จะพาไปทำความรู้จักการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบให้มากขึ้น แล้วการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบคืออะไร? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง? เหมาะกับใคร? อันตรายไหม? แต่ก่อนอื่นเราไปดูกันก่อนดีกว่าว่า ปัญหาแก้มตอบเกิดจากอะไร?
ปัญหาแก้มตอบเกิดจากอะไร?
ปัญหาแก้มตอบ หรือ Sunken Cheek คือใบหน้าที่มีเนื้อแก้มน้อย บวกกับกระดูกและไขมันบริเวณแก้มเกิดการยุบตัวลงจนเกิดเป็นร่องลึก หรือเป็นแอ่ง ทำให้ใบหน้าดูซูบ ดูมีอายุ ดูโทรม และดูไม่สมส่วน ซึ่งสาเหตุของการเกิดปัญหาแก้มตอบสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย ดังนี้
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น
อายุที่เพิ่มขึ้น เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาแก้มตอบได้ โดยอายุที่เพิ่มขึ้นจะมีส่วนทำให้กระดูกบริเวณหน้าแก้ทรุดตัวลง จนผิวบริเวณแก้มเกิดการยุบตัวและคล้อยตามการทรุดของกระดูก นอกจากนี้ยังรวมถึงการฝ่อตัวตามธรรมชาติของไขมันใต้ชั้นผิวด้วยเช่นกัน
- การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาแก้มตอบได้ เพราะเมื่อน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว บริเวณใบหน้าจะเกิดการสูญเสียไขมันไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ใบหน้าที่เคยอวบอิ่มดูตอบลงอย่างเห็นได้ชัด
- การจัดฟัน
เนื่องจากการจัดฟันอาจทำให้หลายคนเกิดอาการปวดฟันหรือมีแผลในช่องปากจนทำให้รับประทานอาหารไม่สะดวก ซึ่งจะส่งผลให้กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่บดเคี้ยวไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ จนทำให้กรามเล็กลงและโหนกแก้มชัดขึ้น
- พันธุกรรม
ปัญหาแก้มตอบ เป็นปัญหาที่สามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีโครงสร้างใบหน้าในลักษณะแก้มตอบอยู่แล้ว ก็อาจทำให้คนไข้เกิดปัญหาแก้มตอบได้เช่นกัน
- แก้มตอบจากการฉีดโบท็อกลดกราม
การฉีดโบท็อกลดกราม เป็นหัตถการที่ช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อกรามลง ทำให้ใบหน้าเล็กลงและดูเรียวสวย แต่หากฉีดในปริมาณที่มากเกินไป หรือฉีดในตำแหน่งที่สูงเกินไป รวมถึงฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเล็กลงจนเกิดปัญหาแก้มตอบได้ มักพบในคนไข้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อกรามไม่เยอะ คนไข้ที่มีกระดูกโหนกแก้มชัด
- แก้มตอบจากการฉีดแฟต
การฉีดแฟตหรือการฉีดสลายไขมัน เป็นอีกหนึ่งหัตถการปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยม เพราะจะช่วยลดไขมันบริเวณใบหน้าและแก้มให้น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่างไรก็ตาม หากฉีดแฟตบ่อยเกินไป หรือฉีดในปริมาณที่เยอะเกินไป รวมถึงคนไข้มีไขมันบริเวณหน้าน้อย ก็อาจจะทำให้ไขมันบริเวณแก้มหายไปจนเกิดปัญหาแก้มตอบได้
การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบคืออะไร? ช่วยอะไรบ้าง?
การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ (Hollow Cheek Filler) คือ การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณแก้มที่ยุบเป็นแอ่ง เพื่อเติมเต็มเนื้อเดิมที่ยุบหายไปให้กลับมาอิ่มฟู ดูสมดุล และดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวในบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาผิวหน้าและปรับรูปหน้าได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
- ช่วยเติมเต็มบริเวณแก้มที่ยุบตัวให้กลับมาอวบอิ่ม ดูเต็มขึ้น
- คืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูละมุนขึ้น
- โหนกแก้มที่เด่นดูลดลง ใบหน้าดูเรียวสวย เข้ารูปมากขึ้น
- เสริมโหงวเฮ้งใบหน้าที่ดี
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์แก้มตอบเหมาะกับใคร?
การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบเหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหาผิวหน้าหรือมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาแก้มตอบ โดยสามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
- ผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบจากการลดน้ำหนักที่รวดเร็วเกินไป
- ผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบและริ้วรอยจากอายุที่เพิ่มขึ้น
- ผู้ที่ต้องการเติมเต็มใบหน้าให้กลับมาอวบอิ่ม เรียบเนียน ได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบจากพันธุกรรม
- ผู้ที่มีปัญหาใบหน้าสองข้างไม่เท่ากัน
- ผู้ที่ต้องการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ควบคู่กับการปรับรูปหน้า
ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบยี่ห้อไหนดี?
ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่นำมาใช้ในการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ควรจะเป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแน่น คงตัว ไม่ไหล และสามารถกลืนไปกับผิวได้ดี โดย Drema Clinic แนะนำฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm และ Restylane ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีรุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบที่แตกต่างกันไป ดังนี้
ฟิลเลอร์ Juvederm
- Juvederm Ultra Plus XC เป็นรุ่นที่เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัวสูง อุ้มน้ำได้ดี และเนื้อค่อนข้างฟู เหมาะกับการฉีดบริเวณที่ต้องการให้ฟูมาก ๆ เช่น ขมับ แก้มตอบ ร่องแก้ม คาง เป็นต้น โดยผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์รุ่นนี้จะสามารถอยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
- Juvederm Voluma เป็นรุ่นที่มีเนื้อฟิลเลอร์แข็งและฟูปานกลาง มีโมเลกุลขนาดขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการฉีดบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม คาง และขมับ โดยผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์รุ่นนี้จะสามารถอยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
- Juvederm Volite เป็นรุ่นที่มีเนื้อฟิลเลอร์ละเอียด นิยมฉีดบริเวณใต้ตาหรือผิวชั้นตื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวบริเวณที่ฉีดได้ด้วย โดยผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์รุ่นนี้จะสามารถอยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน
- Juvederm Volift เป็นรุ่นที่มีเนื้อฟิลเลอร์นิ่ม และละเอียด เหมาะกับคนผิวบาง นิยมใช้ฉีดบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม ร่องมุมปากที่ไม่ลึกมาก หรือใช้ในการฉีดเพื่อเก็บรายละเอียดบริเวณร่องแก้มชั้นตื้น โดยผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์รุ่นนี้จะสามารถอยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
- Juvederm Volbella เป็นรุ่นที่มีเนื้อนิ่ม สามารถเติมแก้มตอบได้ในคนที่ผอมและผิวบ้างมากแต่โดยทั่วไปจะฉีดบริเวณใต้ตา หน้าผาก
ฟิลเลอร์ Restylane
- Restylane Vital Light มีอนุภาคเล็ก เนื้อละเอียด และมีความนิ่ม สร้างมาเพื่อฉีดบริเวณร่องลึกใต้ตา รักษาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง และสามารถฉีด ริมฝีปาก และผิวชั้นตื้น หรือฉีดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูความกระจ่างใส ได้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-8เดือน เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา
- Restylane Volyme มีเนื้อนิ่ม มีความฟู เหมาะกับการฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอยลึก ๆ บริเวณร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก แก้มตอบ บริเวณที่มีขนาดพื้นที่กว้าง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา
- Restylane Refyne เนื้อเจลมีความยืดหยุ่น โมเลกุลเล็ก ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และมุมปาก ผิวที่เหี่ยวย่นผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-12 เดือน เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา
- Restylane Kysse เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีความคงตัวสูง เหมาะกับการฉีดบริเวณริมฝีปากเพื่อปรับรูปทรงปาก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน โดยหลังจากฉีด ซีซีที่ 2 ผลลัพธ์จะอยู่นานขึ้น จุดเด่นคือ ให้สีชมพูกับริมฝีปาก
วิธีเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ
การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีดฟิลเลอร์ จะช่วยให้ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และช่วยลดโอกาสเกิดอาการแพ้ที่ไม่พึงประสงค์ได้ โดยวิธีเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ มีดังนี้
- 7 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการทานยาแอสไพริน และยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เพราะเป็นกลุ่มยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดออกง่ายและเกิดรอยช้ำได้
- 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการใช้สกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น วิตามินเอ เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการแวกซ์ โกน หรือดึงขนบริเวณใบหน้าอย่างน้อย 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์
- เลเซอร์บางชนิดที่ทำให้เกิดแผลเปิดหรือเลือดออก ควรงดก่อนทำฟิลเลอร์ 1 สัปดาห์หรือต้องรอให้แผลหายก่อนที่จะฟิลเลอร์
- ก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ จะต้องเข้าพบแพทย์เพื่อพูดคุยและประเมินลักษณะของร่องแก้ม นอกจากนี้หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่ต้องทานประจำควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเสมอ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 1 วันก่อนการฉีดฟิลเลอร์หากกังวลเรื่องอาการช้ำ
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ
- ทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีดและบริเวณโดยรอบ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ในกรณีที่ไม่แพ้ยาชา แพทย์จะทายาชาบริเวณที่จะฉีดทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อลดความเจ็บขณะฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- เมื่อครบเวลาแล้ว แพทย์จะทำการเช็ดยาชาและทำความสะอาดผิวอีกครั้ง จากนั้นใช้เข็มขนาดเล็กฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งและความลึกที่ต่างกันในแต่ละบุคคล ซึ่งจะมีทั้งเข็มแหลม (Sharp needle) และเข็มปลายทู่ (Blunt canula) เพื่อให้ผลการรักษาออกมาเข้ากับรูปหน้าแก้สามารถแก้ปัญหาร่องแก้มได้อย่างตรงจุด
- เมื่อฉีดเสร็จแล้ว แพทย์จะทำความสะอาดแผล และติดพลาสเตอร์ขนาดเล็กไว้เพื่อห้ามเลือด
- พักฟื้นและสังเกตอาการประมาณ 15 นาที จึงสามารถกลับบ้านได้ โดยแพทย์อาจสั่งให้ประคบน้ำแข็ง หากพบว่าตำแหน่งที่ฉีดเสี่ยงต่อการเกิดอาการบวม ทั้งนี้ หากแพทย์ไม่แนะนำให้ประคบน้ำแข็ง ไม่ควรประคบเองอย่างเด็ดขาด เพราะอุณหภูมิส่งผลต่อการเซตตัวของฟิลเลอร์ และการกดบี้มากเกินไปอาจทำให้ฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนตัวได้
ขั้นตอนการปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ นับว่าเป็นจุดที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ยังช่วยลดโอกาสเกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย โดยการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการนวด แสดงสีหน้าแรง ๆ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพราะจะทำให้เนื้อฟิลเลอร์เซตตัวยาก หรือฟิลเลอร์เคลื่อนจนผลลัพธ์ไม่ตรงตามต้องการได้ ในช่วง 1 สัปดาห์
- หลังฉีดฟิลเลอร์ อาจมีอาการบวมแดง หรือเขียวช้ำบริเวณที่ฉีด แต่สามารถหายได้เองภายใน 72-3 วัน และควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสในบริเวณที่ฉีด
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าสัมผัสกับความร้อน เช่น การออกกำลังกายหนัก การซาวน่า การทำเลเซอร์ผิว เป็นต้น ในช่วง 1 สัปดาห์
- หลังฉีด 1 วัน ควรงดการแต่งหน้า งดทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ AHA วิตามินซี หรือสารที่ระคายเคืองผิว
- ดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์คงสภาพได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์ 1 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ เพราะอาจทำให้แผลเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์ 1 สัปดาห์ ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เกิดการอักเสบได้
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์ 1 เดือน งดทำฟัน เนื่องจากมีงานวิจัยว่าเพิ่มโอกาสการติดเชื้อบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้
ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบราคาเท่าไหร่
ราคาของการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบจะขึ้นอยู่กับปริมาณและยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ ซึ่งที่ Drema Clinic จะมีราคาเริ่มต้น 6,800 สำหรับผู้ที่สนใจเข้าใช้บริการ สามารถสอบถามรายละเอียดและโปรโมชันเพิ่มเติม รวมถึงเข้ามาให้แพทย์ประเมินสภาพผิวที่ Drema Clinic ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- Juvederm Volift 15,000 บาท/ CC
- Juvederm Voluma ราคา 16,000 บาท/CC
- Juvederm Volite ราคา 15,000 บาท/CC
- Restylane Vital Light ราคา 13,500 บาท/CC
- Restylane Refyne ราคา 14,500 บาท/CC
- Restylane Volyme ราคา 14,500 บาท/CC
- Restylane Kysse ราคา 15,000 บาท/CC
*ราคาอาจแตกต่างกันออกไปตามโปรโมชันของแต่ละช่วง
รีวิวการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบที่ Drema Clinic
FAQ: รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ
ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบอยู่ได้นานไหม?
สำหรับผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบจะอยู่ได้นานหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้ รวมถึงการดูแลตนเองหลังฉีดด้วย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วผลลัพธ์หลังฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
หลังจากฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบห้ามกินอะไร?
หลังจากฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ 1 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ เพราะอาจทำให้แผลเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ และควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์อิ่มฟูมากขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ กี่วันเข้าที่?
หลังจากฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบไป จะเริ่มเห็นผลภายใน 24-48 ชั่วโมง อาจมีอาการบวมเล็กน้อยต้องรอให้หายประมาณ 4-5 วัน เพื่อให้ฟิลเลอร์เริ่มเข้าที่ และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด ยี่ห้อฟิลเลอร์ และรุ่นฟิลเลอร์ที่เลือกใช้
ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบเจ็บไหม?
เป็นความเจ็บที่สามารถทนได้ โดยก่อนการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบแพทย์จะมีการฉีดยาชาที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บขณะฉีดฟิลเลอร์ โดยที่ Drema Clinic จะมีเทคนิคการฉีดยาชาเฉพาะ ทำให้บวมน้อย ไม่ช้ำ และเจ็บน้อย ชานาน ซึ่งแพทย์จะวางแผนการฉีดฟิลเลอร์ก่อนอย่างชัดเจน ทำให้มีการลงเข็มน้อยและเกิดการบอบช้ำน้อยที่สุด สำหรับผู้รับบริการที่มีประวัติบวมช้ำง่าย แพทย์จะจ่ายยาลดอาการช้ำเพิ่มเติม
แก้ไขปัญหาแก้มตอบ โหนกแก้มเด่นอย่างปลอดภัย ต้องมาฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบที่ Drema Clinic
การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ นับว่าเป็นหัตถการที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบ โหนกแก้มเด่น จนใบหน้าดูมีอายุ และไม่สมส่วน เพราะการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มผิวบริเวณร่องแก้มให้ดูอิ่มฟูขึ้น อีกทั้งยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ เนื่องจากปัญหาแก้มตอบนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ทำให้แพทย์จะต้องทำการประเมินปัญหา และเลือกวิธีรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
สุดท้ายนี้ หากคุณยังไม่แน่ใจว่า จะฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบที่ไหนดี? คุณสามารถเข้ามาให้แพทย์ประเมินปัญหาผิวและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ที่ Drema Clinic ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับคนที่ต้องการจองคิวเข้ารับบริการหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ผ่านช่องทางเหล่านี้
- โทร: 080-992-6964
- Facebook: Drema Clinic Aesthetics & Laser
- LINE: @dremaclinic
- Instagram: drema.clinic
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/5fcMQwpMyHodi5Ui8