ยกกระชับใบหน้าให้เรียวสวย ด้วยการร้อยไหม (Thread Lifting)

เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น หลายคนคงจะสังเกตได้ถึงความหย่อนคล้อยและริ้วรอยร่องลึกที่เกิดขึ้นบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณหางตาและแก้ม ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขหรือบำรุงด้วยการทาสกินแคร์ได้อีกต่อไป ดังนั้นการทำ Thread Lifting หรือการร้อยไหม จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด

แต่ก่อนที่จะตัดสินใจร้อยไหมเพื่อยกกระชับหน้า Drema Clinic จะขอพาคุณมาทำความรู้จักการร้อยไหม หรือ Thread Lifting ให้มากขึ้น เพื่อให้คุณมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจและเตรียมความพร้อมก่อนทำมากขึ้น แล้ว Thread Lifting คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง? มีวิธีดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังการทำอย่างไร? ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันได้ในบทความนี้

การร้อยไหมหรือ Thread Lifting คืออะไร?

การร้อยไหม หรือ Thread Lifting คือ เทคนิคการยกกระชับผิวหน้าโดยการใช้ไหมละลายที่มีส่วนเกี่ยวกับผิวขนาดเล็ก ร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณต่าง ๆ โดยเงี่ยงเกี่ยวเหล่านี้จะเกี่ยวเอาเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อให้ยกขึ้นตามแนวเส้นไหม ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ร้อยไหมเกิดการอักเสบเล็กๆและกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนออกมาซ่อมแซมผิว ทำให้เกิดคอลลาเจนใหม่ซึ่งนอกจากจะช่วยยกผิวที่ดูหย่อนคล้อยให้กลับมากระชับมากขึ้นได้แล้ว ยังช่วยให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่นและเต่งตึงมากขึ้นและปรับรูปหน้าให้ได้รูปตามต้องการมากขึ้น รวมถึงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตมาเลี้ยงชั้นผิวหนังเพิ่มขึ้นด้วย 

ซึ่งการร้อยไหมหรือ Thread Lifting นับว่าเป็นหัตถการยกกระชับที่ปลอดภัย เพราะเส้นไหมละลายที่นำมาใช้จะได้รับการรับรองความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หลังทำสามารถเห็นผลได้ทันที และเมื่อผ่านไป 8-18 เดือน ไหมเหล่านี้จะละลายหายไปเองโดยไม่ตกค้างอยู่ใต้ผิวหนัง โดยขึ้นกับชนิดของไหมและ ต้องเป็นไหมที่ได้รับมาตรฐานผ่านการวิจัยเท่านั้น

การร้อยไหมหรือ Thread Lifting ช่วยอะไรบ้าง?

การร้อยไหมหรือ Thread Lifting สามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น

  • ช่วยยกกระชับใบหน้า แก้ไขปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูเต่งตึง ชุ่มชื้น และยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด 
  • ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวได้รูปมากขึ้น
  • ช่วยลดร่องแก้ม กระเปาะแก้ม 
  • ช่วยยกหน้าแก้ม 
  • ช่วยกระชับเหนียง 
  • เสริมสร้างกรอบหน้าให้ชัดมากขึ้น

การร้อยไหมหรือ Thread Lifting ใช้ไหมแบบไหนบ้าง?

ไหมที่นิยมนำมาใช้ในการร้อยไหม จะแบ่งออกตามลักษณะของไหม โดยขอยกตัวอย่าง 3 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันดังนี้

1. ไหมแบบเรียบ (Mono Threads)

ไหมแบบเรียบ หรือ PDO เป็นไหมที่มีลักษณะเป็นเส้นตรง ๆ ไม่มีเงี่ยง เกลียว หรือหนามออกมาจากตัวไหม มักใช้ในการร้อยในผิวชั้นตื้นเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หรือเพื่อร้อยเก็บจุดเล็ก ๆ ที่ไหมเส้นใหญ่ไม่สามารถร้อยได้ นิยมใช้ในการร้อยบริเวณคอ หน้าผาก และใต้ตา เหมาะกับคนที่ไม่ได้มีผิวหย่อนคล้อยแต่มีปัญหาผิวไม่กระชับ เพราะไหมชนิดนี้จะไม่สามารถยกชั้นผิวหนังได้ แต่จะช่วยให้ผิวหนังเต่งตึงเท่านั้น ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 4-6 เดือน

2. ไหมแบบเกลียว (Screw Threads)

เส้นไหมเกลียว เป็นเส้นไหมที่มีลักษณะเป็นเกลียวกลม มีทั้งแบบเกลียวเส้นเดียวและเกลียวสองเส้น โดยจุดเด่นของไหมชนิดนี้คือ จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้กับผิว ทำให้ผิวหนังที่ยุบตัวหรือเป็นแอ่งดูตื้นขึ้น เหมาะกับการใช้ยกชั้นผิวหนังที่หย่อนยาน

3. ไหมแบบก้างปลา (Cog Threads)

ไหมแบบก้างปลา หรือเส้นไหมเงี่ยง จะมีลักษณะเป็นเงี่ยงออกมาจากไหมตลอดแนว ซึ่งเงี่ยงเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อยึดเกาะด้านในชั้นผิวหนัง เพื่อยกเนื้อเยื่อและผิวหนังที่หย่อนยานให้กลับมาดูกระชับขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายบริเวณรอบเส้นไหมและบริเวณเงี่ยงเกิดการสร้างคอลลาเจนได้อีกด้วย

เส้นไหมที่ Drema Clinic ใช้ในการร้อยไหม (Thread Lifting)

สำหรับรูปแบบของเส้นไหมที่ Drema Clinic ใช้ในการร้อยไหม จะมีจุดเด่นแตกต่างกัน แพทย์จะทำการเลือกให้เหมาะสมกับแต่ละบริเวณของใบหน้าและความต้องการของคนไข้ ได้แก่

  • ไหม Tesslift Soft หรือไหมร้อยหน้าโครงตาข่าย (Mesh Scaffold) 

เด่นเรื่อง ผิวอิ่มฟู อยู่นาน ผิวแน่น เหมาะกับคนไข้ที่ผิวบางต้องการเพิ่มควมหนาของผิว ให้ผิวแน่นขึ้น 

ไหม Tesslift Soft เป็นไหมร้อยหน้าโครงตาข่าย (Mesh Scaffold) เส้นไหมเงี่ยงแบบ 3D ที่ล้อมรอบด้วยโครงตาข่าย 360 องศา ชนิดแรกและชนิดเดียวของโลก นำเข้าจากเกาหลีใต้ ที่มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยสูง โดยผ่าน อย. ประเทศไทย และมาตรฐานยุโรป (CE) และ KFDA 

ตัวไหมถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาเดิม ๆ ที่อยู่ได้ไม่นาน ของไหมรุ่นก่อน ปลอดภัย ไม่ทำร้ายใต้ชั้นผิว สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง นอกจากนี้ยังเป็นไหมที่มีความแข็งแรง ทนแรงต้าน หรือแรงยืดหยุ่นได้ดีกว่าไหมทั่วไปถึง 80 เท่า แน่นอนว่าเมื่อไหมที่ใช้มีความแข็งแรงก็จะช่วยยกกระชับใบหน้าได้นานยิ่งขึ้น ใช้เวลาเพียง 30 นาที แต่ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี ผลตอบรับจากคนไข้คือ หลังจากร้อยไหมตัวนี้แล้วผิววจะดีขึ้น เรื่อยๆ แน่นขึ้น และดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาตื

  • ไหม MINT Lift

โดดเด่นเรื่องการ “ยกหน้า” Lifting บริเวณที่หย้่อนคล้อยได้ดีทที่สุดเทียบกับรุ่นอื่นๆ ไหม MINT Lift เป็นไหมพิเศษที่ใช้สำหรับการยกกระชับผิวเพื่อความงามโดยเฉพาะ ซึ่งผลิตมาจาก PDO (Polydioxanone) โดย PDO วัสดุเดียวกับไหมเย็บหลอดเลือดหัวใจ จะถูกออกแบบพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับ ปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ได้รับสิทธิบัตรโครงสร้างเทคโนโลยี (การกด) เงี่ยงไหมเรียงตัว 360 องศา ซึ่งเป็นเงี่ยงที่ขึ้นรูปมาใหม่ (Molding) จึงมีความแข็งแรง มีแรงยกที่ดีเมื่อเทียบกับไหมชนิดอื่น 

 มีแรงดึงที่แข็งแรงและยึดตรึงเนื้อเยื่อใบหน้าได้หลายทิศทาง ทำให้ผลการกระชับเห็นผลสูงสุด แข็งแรง ทนทาน คมลื่น ขาดยาก มีประสิทธิภาพในการยึดเกาะเทียบเท่ากับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า แต่ใช้เวลาในการทำและการพักฟื้นน้อยกว่าใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์

  • ไหม APTOS

เป็นนวัตกรรมไหมรุ่นใหม่ล่าสุด แก้ปัญหา Paintpoint ของไหมรุ่นเก่าคือระยะเวลาพักฟื้น หรือบวม โดดเด่นเรื่องผลลัพธ์หน้าเด็กลงอย่างธรรมชาติ ไม่ต้องกังวลเรื่อง ระบมหลังทำหัตถการ ที่สำคัญอยู่ได้นาน 2 ปี ประกอบด้วยสาร PLA/PCL ซึ่งเป็น Biostimulator กระตุ้นให้ร่างกายเราเกิดการสร้างคอลลาเจน เพราะฉะนั้น ปลอดภัยและได้คอลลาเจนที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมี HYALURONIC ACID ทำให้ผิวอิ่ม

วิธีเตรียมตัวก่อนร้อยไหม

สำหรับวิธีเตรียมตัวก่อนร้อยไหม จะคล้ายคลึงกับการเตรียมตัวเพื่อทำหัตถการทั่วไป ดังนี้

  • งดยาแอสไพริน (Aspirin) ยาต้านการแข็งตัวของเลือด วิตามิน และอาหารเสริมอย่างน้อย 3-7 วันก่อนเข้ารับบริการ เพื่อป้องกันเลือดออกเยอะขณะทำ
  • งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 วันก่อนเข้ารับบริการ
  • หลีกเลี่ยงการทำสีผม และควรสระผมให้สะอาดก่อนมาร้อยไหม
  • หากมีปัญหาผิวหนังบนใบหน้า เช่น ผิวหนังอักเสบ เป็นสิวรุนแรง ผื่นคัน เป็นต้น ควรรักษาปัญหาผิวหนังเหล่านี้ให้หายดีก่อนเข้ารับบริการ
  • หากมีนัดทำฟัน ควรทำก่อนมาร้อยไหม เพราะหลังร้อยไหมจะต้องงดการอ้าปากกว้างอย่างน้อย 4 สัปดาห์
  • หากมีโรคประจำตัวเช่น โรคภูมิแพ้ตัวเอง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เป็นต้น หรือมีประวัติแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง

ขั้นตอนการร้อยไหม (Thread Lifting)

สำหรับขั้นตอนในการร้อยไหม อาจมีความแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ทำ โดยขั้นตอนการทำพื้นฐานมีดังนี้

  • แพทย์จะทำการประเมินใบหน้าเพื่อวิเคราะห์รูปหน้าและปัญหาของคนไข้ เพื่อให้แพทย์สามารถดีไซน์การวางไหม และแนะนำชนิดของเส้นไหมที่เหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตรงตามความต้องการของคนไข้
  • เช็ดทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะทำการดึงไหม จากนั้นแพทย์จะใช้ยาชาแบบครีมทาบริเวณที่ร้อยไหมและทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที เพื่อลดความเจ็บขณะร้อยไหม สำหรับคนไข้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือมีประวัติแพ้ยาชาชนิดทา แพทย์จะใช้การประคบเย็นแทน
  • แพทย์ทำการฉีดยาชาเข้าไปใต้ผิวหนังตามแนวไหม เพื่อลดความเจ็บขณะทำ โดยในระหว่างที่ฉีดยาชาจะรู้สึกแสบเล็กน้อย 
  • เริ่มขั้นตอนการร้อยไหม โดยแพทย์จะค่อย ๆ สอดไหมทีละเส้นเข้าไปยังผิวหนังชั้น SMAS ตามแนวไหมที่ประเมินไว้ โดยขณะทำคนไข้อาจรู้สึกว่าผิวหน้ากำลังถูกยกตามทิศทางที่ร้อยไหม และอาจรู้สึกถึงแรงกดเล็กน้อย
  • เมื่อวางไหมครบทุกเส้นแล้ว แพทย์จะทำการกดไหมเพื่อให้ไหมเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ผิว และดึงปรับไหมเพื่อจัดตำแหน่งของผิว รวมถึงคลายริ้วไหมในบางตำแหน่งให้ตรงกับความต้องการของคนไข้มากที่สุด
  • ตัดไหมและผูกปกไหมในการร้อยไหมบางชนิด เพื่อไม่ให้เห็นเส้นไหมหรือปมไหม จากนั้นแพทย์จะทำความสะอาดผิวหน้าอีกครั้ง และปิดพลาสเตอร์บริเวณรูไหมให้กับคนไข้

วิธีดูแลตัวเองหลังการร้อยไหม (Thread Lifting)

เนื่องจากเส้นไหมจะใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์จึงจะเซตตัวและกลมกลืนเข้ากับผิวของเรา การดูแลตัวเองหลังการร้อยไหมจึงจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและอยู่ได้นานขึ้น โดยวิธีดูแลตัวเองหลังการร้อยไหมมีดังนี้

  • ประคบเย็นบริเวณที่ร้อยไหมอย่างน้อย 3 วัน โดยเฉพาะในวันแรก เพื่อลดอาการบวมและลดความระบบ
  • ใส่ผ้ารัดหน้าเพื่อช่วยพยุงไหมและลดบวมอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
  • งดแอลกอฮอล์ ของหมักดอง และอาหารรสจัดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้ใบหน้าเกิดอาการบวม หรือระคายเคือง จนเกิดการอักเสบขึ้นได้
  • ควรงดการสูบบุหรี่ เพราะสารที่อยู่ในบุหรี่จะเข้าไปขยายหลอดเลือด ทำให้ยุบบวมช้า และผลการรักษาอยู่ได้สั้นลง
  • งดเลเซอร์ ทรีตเมนต์ อบซาวน่า กด นวด หรือคลึงบริเวณที่ร้อยไหมอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้ไหมเคลื่อนหรือเกิดการอักเสบและติดเชื้อ
  • งดการออกกำลังกายที่ทำให้เกิดการเกร็งหรือขยับบริเวณใบหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์แรกหลังร้อยไหม
  • งดการโดนน้ำอย่างน้อย 2 วัน เพื่อป้องกันการอักเสบและติดเชื้อ บริเวณรูเปิดของเข็ม

ผลข้างเคียงจากการร้อยไหมที่ควรรู้

สำหรับผลข้างเคียงจากการร้อยไหมที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นปกติ มีดังนี้

  • อาการบวม หรือเขียวช้ำ ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายใน 7-14 วัน
  • มีเลือดออกบริเวณที่แทงเข็มเข้าไป
  • มีอาการบวมหลังร้อยไหมในช่วง 3-4 วันแรก ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นและยุบลงไปเองภายใน 14 วัน แต่หากมีอาการบวมแดงมากขึ้นและไม่ยุบลง ต้องรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยในทันที
  • มีก้อนเป็นไตหลังร้อยไหม มักจบได้ในช่วงแรกหลังร้อยไหม แต่เมื่อไหมเข้าที่จะสามารถหายไปได้เอง
  • หน้าเป็นคลื่นหลังร้อยไหม เป็นอาการที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่เมื่อไหมเข้าที่จะสามารถหายไปได้เอง
  • ไหมขาดหลังร้อยไหม มักเกิดขึ้นในช่วงแรกหลังการร้อยไหม จากการแสดงสีหน้า อ้าปากกว้าง หรือหาวปากกว้างจนเกินไป รวมถึงอาจเกิดจากการเลือกใช้ไหมผิดชนิด

หลังร้อยไหมห้ามกินอะไรบ้าง?

  • ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารดิบจากร้านที่ไม่สะอาดอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังทำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ
  • ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ต้องนั่งอยู่หน้าเตาร้อน ๆ เป็นเวลานาน เช่น หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู เป็นต้น เพราะอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวและยุบบวมช้า
  • ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ดจัด เพราะอาจทำให้เกิดการแสบร้อนจนหน้าแดงได้
  • ควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เพราะจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้ยุบบวมช้าได้
  • ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัด และหลีกเลี่ยงนมวัว เพราะอาหารเหล่านี้จะเข้าไปกระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบได้

ร้อยไหม (Thread Lifting) ที่ Drema Clinic ราคาเท่าไหร่

 จำนวนราคาโปรโมชันราคาปกติแพ็คเกจ
Tesslift, Mint Lift1 เส้น5,000.-7,000.-
Thread lift Combo6 เส้น28,800.-47,499.-Tesslift +Mint 6 เส้น + ไหม pdo เส้นเล็ก 50 เส้น + Nabota 50 units
ร้อยไหม Mint Lift เทคนิคเกาหลี12 เส้น39,900.-60,000.-แลกซื้อ Premium Mesofat 1,000.-/ขวด (ปกติ 4,500.-)
APTOS10 เส้น49,900.-60,000.- 

ร้อยไหม (Thread Lifting) ยกกระชับผิวอย่างปลอดภัยที่ Drema Clinic 

การร้อยไหม (Thread Lifting) เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่นับว่ามีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งนอกจากจะช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึงได้แล้ว ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นและชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย สุดท้ายนี้ หากไม่รู้ว่าจะปรึกษาการร้อยไหม (Thread Lifting) ที่ไหนดี? สามารถปรึกษา Drema Clinic ได้ตามรายละเอียดช่องทางด้านล่างนี้เลย

Scroll to Top