ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อต่างกันยังไง เลือกยังไงให้ปลอดภัยและเห็นผล

การฉีดฟิลเลอร์เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะช่วยปรับรูปหน้าให้เป็นสัดส่วนได้แล้ว ยังช่วยยกกระชับผิวหน้า และช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติได้อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็มียี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ให้เลือกอย่างหลากหลาย จนหลาย ๆ คนเกิดความสงสัยว่า เลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ถึงจะปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ตามต้องการ แน่นอนว่า Drema Clinic ก็ไม่พลาดที่จะรวบรวมข้อมูลมาไขข้อสงสัยให้กับคุณ ถ้าคุณอยากได้คำตอบว่าฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีถึงจะได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลย!

ฟิลเลอร์คืออะไร? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ผลิตขึ้นเพื่อเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกาย ใช้ในการฉีดเพื่อเติมเต็มโครงสร้างผิว คอลลาเจน และไฮยาลูรอนที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้นได้ โดยคุณสมบัติของฟิลเลอร์คือ มีความคงตัว เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณที่เป็นร่องริ้วรอย ฟิลเลอร์ก็จะช่วยเติมเต็มร่องริ้วรอยต่าง ๆ ให้ดูตื้นขึ้น ผิวดูเต่งตึง และอิ่มฟูมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้ถึงผิวชั้นใน ทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวมีความยืดหยุ่น และนุ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ฟิลเลอร์มีกี่ชนิด? เลือกแบบไหนดีที่สุด?

ก่อนจะไปดูว่าฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี เรามาทำความรู้จักรูปแบบของฟิลเลอร์กันก่อนดีกว่า โดยรูปแบบของฟิลเลอร์ที่ได้พบได้ในปัจจุบัน สามารถแบ่งได้ทั้งหมด 3 ชนิด ดังนี้

  • ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary Filler) เป็นการฉีดไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มที่ผลิตจากธรรมชาติและมีความปลอดภัยสูง มีโอกาสแพ้น้อย และสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ โดยผลลัพธ์จากการฉีดสามารถอยู่ได้นาน 6-12 เดือน นับว่าเป็นรูปแบบฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
  • ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler) เป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นเพื่อให้สามารถเข้ากับเนื้อเยื่อในชั้นผิวได้ ทำให้สามารถคงตัวอยู่ในชั้นผิวได้นานกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว โดยผลลัพธ์จากการฉีดสามารถอยู่ได้นาน 24 เดือน และสามารถสลายตัวเองได้เองตามธรรมชาติ
  • สารเติมเต็มแบบถาวร (Liquid Silicone) หรือซิลิโคนเหลว ในปัจจุบันถูกจัดว่าเป็นฟิลเลอร์ที่มีความอันตรายหรือที่เรียกกันว่า ฟิลเลอร์ปลอม เมื่อฉีดไปแล้วจะให้ผลลัพธ์ที่ถาวร แต่มีโอกาสเกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือฟิลเลอร์ไหลได้ นอกจากนี้ยังไม่สามารถสลายตัวได้เอง หากเกิดปัญหาหรืออยากเอาฟิลเลอร์ออก จะต้องใช้วิธีผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น นับว่าเป็นรูปแบบของฟิลเลอร์ที่ไม่แนะนำให้ฉีดค่ะ

ฟิลเลอร์มีกี่ยี่ห้อ? เลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี?

ในปัจจุบันรูปแบบฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทยและนิยมใช้ในคลินิกมากที่สุดก็คือ ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว หรือไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เนื่องจากเป็นรูปแบบฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยสูง ไม่ตกค้างในร่างกาย และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ 100% โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันจะมีทั้งหมด 4 ยี่ห้อหลัก ๆ ดังนี้

1. ฟิลเลอร์ Juvederm

ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกาที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และผ่านการรับรองมาตรฐานจาก USFDA และ อย.ไทย โดยจุดเด่นของฟิลเลอร์ Juvederm คือ มีเนื้อฟิลเลอร์ละเอียด มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยยกกระชับผิวได้ดี และไม่แข็งเป็นก้อน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บขณะฉีดฟิลเลอร์ได้ โดยฟิลเลอร์ Juvederm จะมีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นจะเหมาะกับการฉีดในบริเวณที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

  • Juvederm Ultra Plus XC มีเนื้อนิ่ม ละเอียด และสามารถกักเก็บน้ำได้ดี เมื่อฉีดแล้วจะฟูสวย ทนต่อการขยับ เหมาะกับการฉีดบริเวณขมับ ปาก และร่องแก้ม ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Juvederm Voluma มีเนื้อแข็งและฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการฉีดบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม คาง และขมับ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Juvederm Volift มีเนื้อนิ่ม และละเอียด เหมาะกับคนที่มีผิวบาง ใช้ในการฉีดร่องแก้มที่ไม่ลึกมาก หรือเก็บรายละเอียดร่องแก้มชั้นตื้น ปาก มุมปาก และระหว่างคิ้ว ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Juvederm Volbella มีเนื้อนิ่มและละเอียดมากที่สุดในบรรดาฟิลเลอร์ทุกรุ่น ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เหมาะกับการฉีดบริเวณหน้าผาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Juvederm Volite มีเนื้อละเอียด ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เหมาะกับการฉีดในผิวชั้นตื้น เก็บรายละเอียดริ้วรอยเล็ก ๆ และฉีดบริเวณใต้ตา ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
  • Juvederm Volux มีเนื้อแข็ง ยืดหยุ่นสูง และคงรูปได้ดีที่สุด เหมาะกับการฉีดบริเวณคาง ใต้ตา ขมับ และร่องแก้มชั้นลึก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18-24 เดือน

2. ฟิลเลอร์ Belotero

ฟิลเลอร์ Belotero หรือ Colorful Filler เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีเนื้อเจลเรียบเนียน สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกสภาพผิว โดยมีคุณสมบัติที่โดดเด่นอยู่ 3 ข้อ ได้แก่ ความยืดหยุ่นของเนื้อเจล, ความยึดเกาะเป็นเนื้อเดียว ไม่ไหลเป็นก้อน และการปั้นทรงที่ดี ซึ่งฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้สามารถแบ่งรุ่นได้ตามสีสันของกล่อง มีทั้งหมด 5 รุ่น ดังนี้

  • Belotero Intense (กล่องชมพู) มีเนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง เหมาะกับการฉีดบริเวณที่มีการขยับบ่อย ๆ หรือมีร่องลึกมาก ๆ เช่น ร่องแก้ม แก้มตอบ คาง เป็นต้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Belotero Volume (กล่องม่วง) มีเนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง เหมาะกับการฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก และการฉีดปากทรงสายฝอ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Belotero Soft (กล่องเหลือง) มีเนื้อละเอียด โมเลกุลเล็ก เหมาะกับการฉีดเพื่อเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ แก้ไขริ้วรอยบนผิวชั้นนอก และปัญหาใต้ตา ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
  • Belotero Balance (กล่องส้ม) มีเนื้อละเอียดรองจากรุ่น Soft เหมาะกับการแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกระดับกลาง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Belotero Revive (กล่องเขียว) เป็นฟิลเลอร์รุ่นแรกของโลกที่มีการเพิ่มส่วนผสมของ HA+Glycerol (Duo Action) ช่วยเติมเต็มพร้อมฟื้นฟูผิวหน้าไปพร้อม ๆ กัน เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวแห้งมาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 9-12 เดือน

3. ฟิลเลอร์ Restylane

ฟิลเลอร์ Restylane เป็นฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดน ที่โดดเด่นด้วย 2 เทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะอย่าง NASHA Technology และ OBT Technology ที่ทำให้สามารถผลิตฟิลเลอร์ได้หลากหลายขนาดโมเลกุล ทำให้สามารถเลือกใช้ในการแก้ปัญหาผิวหน้าแต่ละจุดได้อย่างเหมาะสม โดยมีให้เลือกทั้งหมด 8 รุ่น ดังนี้

  • Restylane Perlane Lyft เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา มีเนื้อแข็ง ไม่ฟู และมีความคงตัวสูง สามารถคงรูปได้ดีที่สุด เหมาะกับการฉีดบริเวณใต้ตา จมูก คาง และแก้มส้ม ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Defyne เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา มีเนื้อนิ่มปานกลาง และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการฉีดบริเวณขมับ หน้าแก้ม คาง และริมฝีปาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน 
  • Restylane Vital Light เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา มีอนุภาพเล็ก เนื้อละเอียด และมีความนิ่ม เหมาะกับการฉีดบริเวณร่องลึกใต้ตา ริมฝีปาก และผิวชั้นตื้น หรือฉีดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูความกระจ่างใส ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
  • Restylane Volyme เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา มีเนื้อนิ่ม มีความฟู เหมาะกับการฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Restylane Refyne เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลมีความยืดหยุ่น โมเลกุลเล็ก ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และมุมปาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
  • Restylane Classic เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลมีอนุภาคใหญ่ และมีเนื้อค่อนข้างแข็ง เหมาะกับการฉีดเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก เช่น ร่องแก้ม ร่องรอยขมวดคิ้ว ใต้ตา และปาก เป็นต้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
  • Restylane Vital เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการฉีดบริเวณหน้าผาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Kysse เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีความคงตัวสูง เหมาะกับการฉีดบริเวณริมฝีปากเพื่อปรับรูปทรงปาก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน

4. ฟิลเลอร์ Neuramis

ฟิลเลอร์ Neuramis เป็นฟิลเลอร์สัญชาติเกาหลีที่ใช้กระบวนการทำงานแบบ Cross-Linking ถึง 2 ระดับ ทำให้ฟิลเลอร์สามารถคงตัวอยู่ได้นานขึ้น โดยฟิลเลอร์ Neuramis จะมีทั้งหมด 5 รุ่น แต่มีเพียง 3 รุ่นที่ผ่าน อย. ประเทศไทย ดังนี้

  • Neuramis Deep เป็นรุ่นที่ไม่มีส่วนผสมของยาชา มีเนื้อเจลหนืดปานกลาง อิ่มฟู และมีประสิทธิภาพการคงตัวค่อนข้างสูง ขึ้นรูปได้ง่าย เหมาะกับการฉีดเติมเต็มใบหน้าในชั้นลึก เช่น ริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องลึกใต้ตา ขมับ แก้มส้ม หน้าผาก เป็นต้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-8 เดือน
  • Neuramis Deep Lidocaine เป็นรุ่นที่มีส่วนผสมของยาชา 0.3% มีเนื้อเจลหนืดปานลาง อิ่มฟู ขึ้นรูปได้ง่าย และคงตัวได้ดี เหมาะกับการฉีดบริเวณคาง ริมฝีปาก ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ใต้ตา เป็นต้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-8 เดือน
  • Neuramis Volume Lidocaine เป็นรุ่นที่มีส่วนผสมของยาชา 0.3% มีเนื้อเจลหนืด และคงตัวได้ดีที่สุดในบรรดาทั้ง 3 รุ่น เหมาะกับการฉีดบริเวณคาง หน้าผาก ริมฝีปาก ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก เป็นต้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-24 เดือน

5. ฟิลเลอร์ Teoxane

ฟิลเลอร์ Teoxane เป็นฟิลเลอร์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ได้รับการยอมรับในวงการความงามทั่วโลก รวมถึงเมืองไทยมีจุดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยี Resilient Hyaluronic Acid (RHA) ที่ช่วยให้ฟิลเลอร์สามารถยืดหยุ่นตามการเคลื่อนไหวของใบหน้าได้ดี ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและไม่เกิดการเป็นก้อนหลังฉีด และยังอิ่มฟูอีกด้วย

  • Ultra Deep: เนื้อเจลแข็งและคงตัว เหมาะสำหรับการยกกระชับและปรับโครงสร้างใบ​หน้า ความเข้นของ HA 25 mg/ml ให้ความอิ่มฟู มีผลลัพธ์นาน 12-18 เดือน ฉีดบริเวณ ขมับ คาง หน้าแก้ม แก้มตอบ
  • RHA 3: สำหรับแก้ไขริ้วรอยลึกและเติมเต็มปริมาตรใบหน้า มีความหนืดปานกลางความเข้นของ HA อยู่ที่ 23 mg/ml มีผลลัพธ์นาน 12-18 เดือน ฉีดบริเวณที่ขยับได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ฟูตัวหรือบวมมาก เหมาะกับ ร่องแก้ม หน้าแก้ม
  • RHA 2: สำหรับแก้ไขริ้วรอยตื้น และเติมเต็มปริมาตรใบหน้า มีความนิ่ม ความเข้นของ HA อยู่ที่ 23 mg/ml มีผลลัพธ์นาน 12-18 เดือน
  • RHA 1: สำหรับแก้ไขริ้วรอยตื้น เติมเต็มใต้ตา และเติมเต็มปริมาตรใบหน้า มีความนิ่ม ความเข้นของ HA อยู่ที่ 15 mg/ml มีผลลัพธ์นาน 12 เดือน
  • Redensity 1: เน้นการเติมความชุ่มชื้นและป้องกันความชราภาพของผิว  ผิวไม่ชุ่มชื้น ไม่อิ่มฟู เป็น ฟิลเลอร์งานผิว มีความเข้มข้นของ HA 15 mg/ml อยู่ได้นานประมาณ 3 เดือน
  • Redensity 2: ใช้สำหรับแก้ไขโครงสร้างใต้ตาชั้นลึก มีความเข้มข้นของ HA 15 mg/ml อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน

6. ฟิลเลอร์  Neauvia

ฟิลเลอร์ Neauvia เป็นฟิลเลอร์จากอิตาลีที่มีจุดเด่นเฉพาะด้วยการใช้เทคโนโลยี PEGylation ซึ่งใช้สาร PEG (polyethylene glycol) เป็น cross-linker กับ Hyaluronic Acid (HA) ทำให้มีความปลอดภัยสูง ไม่เกิดการแพ้ หรือสารตกค้าง

  • Neauvia Intense: มีความเข้มข้นของ HA 28% ใช้สำหรับการปรับโครงหน้า เช่น เสริมปรับรูปคาง  และแนวกราม กรอบหน้าชัด เนื่องจากเป็นเนื้องแข็ง คงรูปได้ดี
  • Neauvia Stimulate: มีความเข้มข้นของ HA 26%  Stimulate คือ การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว นั่นเอง ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูและลดริ้วรอยตื้นๆ
  • Neauvia Hydro Deluxe: มีความเข้มข้นของ HA 18%  ซึ่งเป็น non crosslinked  และยังมี Calcium Hydroxyapatite (CaHA), ซึ่งเป็น Biostimulator กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน อย่างเป็นธรรมชาติ Glycine และ L-Proline ทำให้ผิวสม่ำเสมอ กระจ่างใส ปรับผิวให้กระชับและลดรูขุมขนกว้าง: ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ทำให้ผิวมีความกระชับและรูขุมขน รักษาหลุมสิว รักษาควบคู่กับ เลเซอร์ picosecond laser, microneedle RF จะสริมประสิทธิภาพให้การรักษาดีขึ้น ลดริ้วรอยและร่องลึก: ช่วยเติมเต็มร่องลึกและลดริ้วรอย ทำให้ผิวดูเรียบเนี​ยน

7. ฟิลเลอร์ Definisse

ฟิลเลอร์ Definisse เป็นฟิลเลอร์ที่มาจากอิตาลี ที่มีเทคโนโลยีการผลิตที่เรียกว่า XTR™ Technology ซึ่งประกอบด้วยกระบวนการสามขั้นตอนที่ช่วยให้เนื้อฟิลเลอร์คงรูปได้ดี ยกกระชับผิว และลดความเสี่ยงต่อการแพ้

และไม่บวม จุดเด่นคือ เนื้อเจลบริสุทธิ์ ไม่แพ้ เนื้อฟิลเลอร์คงทนแต่ฉีดง่ายเนื่องจากหลอดฟิลเลอร์ทำจากแก้วคุณภาพดีทำให้แพทย์ใช้งานได้ง่ายในการดันยา ปัจจุบันมี 3 รุ่น

  • Definisse Core: ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เหมาะสำหรับการยกกระชับและปรับรูปหน้า ใช้ในบริเวณแก้มส้ม ขมับ กรอบหน้า และคาง อยู่ได้นานถึง 18 เดือน เนื้อใกล้เคียงกลุ่ม juvederm voluma และ volux
  • Definisse Restore: เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งปานกลาง ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และแก้มตอบ อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือนเหมาะกับร่องลึกระดับกลาง ไม่เหมาะฉีดบริเวณตื้น
  • Definisse Touch: เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่มที่สุด เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และริมฝีปาก ฉีดบริเวณตื้นได้

ฟิลเลอร์แท้-ฟิลเลอร์ปลอม-ฟิลเลอร์เถื่อน สังเกตยังไง?

เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปัจจุบันมีผู้ผลิตฟิลเลอร์ปลอมเข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งฟิลเลอร์ปลอมเหล่านี้ก็มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับฟิลเลอร์แท้จนแทบจะแยกไม่ออก แน่นอนว่าการฉีดฟิลเลอร์ปลอมสามารถสร้างปัญหามากมายตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็น ฟิลเลอร์เป็นก้อน ฟิลเลอร์ไหล เกิดการอักเสบรุนแรง เป็นต้น ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้คุณต้องเจอกับปัญหาผิวเหล่านี้ เราไปดูกันดีกว่าว่า มีวิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้และฟิลเลอร์ปลอมยังไงบ้าง

1. บรรจุภัณฑ์หรือกล่องของฟิลเลอร์

  • กล่องต้องปิดผนึกมาอย่างดี ไม่มีร่องรอยของการแกะ เมื่อแกะมาแล้วตัว Syringe ที่บรรจุฟิลเลอร์จะต้องปิดอยู่ ไม่มีร่องรอยของการแกะหรือตัด ซึ่งคนไข้จะต้องให้แพทย์แกะกล่องให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง
  • หากเป็นฟิลเลอร์ของแท้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานโดย อย. ประเทศไทย จะต้องมีฉลากภาษาไทยติดอยู่ข้างกล่องอย่างครบถ้วน และต้องมีรายละเอียดของฟิลเลอร์ทั้ง ราคา วันที่ผลิต และวันที่หมดอายุระบุไว้อย่างชัดเจน ถ้าฟิลเลอร์ที่คลินิกเลือกใช้ไม่มีรายละเอียดภาษาไทยบนกล่อง ก็มีโอกาสที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์เถื่อนสูง
  • บนกล่องบรรจุภัณฑ์และหลอดฟิลเลอร์ ต้องระบุ Lot Number และเลขที่อ้างอิงไว้อย่างชัดเจน
  • โทรเช็กเลข Lot การผลิต และคลินิกจากบริษัทผู้จัดจำหน่ายได้

2. ราคาของการฉีดฟิลเลอร์

โดยปกติแล้ว ราคาของการฉีดฟิลเลอร์โดยส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ 6,000 – 8,000 บาท/CC ดังนั้น หากพบว่าคลินิกนั้น ๆ มีราคาฟิลเลอร์ที่ถูกมาก ๆ ก็ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าฟิลเลอร์ที่ใช้อาจเป็นฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์เถื่อน

3. ยี่ห้อของฟิลเลอร์

นอกจากฟิลเลอร์ทั้ง 4 ยี่ห้อที่เราได้กล่าวไปข้างต้น อย่าง Juvederm, Belotero, Restylane และ Neuramis ยังมีฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาอีก 10 ยี่ห้อให้คุณเลือกใช้ ดังนี้

  • Perfectha Filler
  • Yvoire Filler
  • Revanesse Filler
  • E.P.T.Q. Filler
  • Hyabell Filler
  • Teoxane Filler
  • Neauvia Filler
  • Definisse Filler
  • Neobelle Filler
  • Flore Filler
  • Biohyalux Filler
  • Art Filler

หากเห็นยี่ห้อฟิลเลอร์นอกเหนือจาก 14 ยี่ห้อเหล่านี้ ก็ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่า ฟิลเลอร์นั้นอาจเป็นฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์เถื่อน และควรหลีกเลี่ยงไปจะดีกว่า

4. ความน่าเชื่อถือของคลินิกและแพทย์ผู้ทำการรักษา

นอกจากการเช็กข้อมูลว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้หรือของปลอมแล้ว ยังควรใส่ใจกับการพิจารณามาตรฐานและความน่าเชื่อถือของคลินิกด้วยเช่นกัน โดยควรจะเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีรีวิวจากผู้ใช้บริการที่น่าเชื่อถือ และเลือกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อที่ผ่านมาตรฐาน อย. รวมถึงเป็นฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้น นอกจากนี้ยังควรเลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง และดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ไม่รู้จะฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี? Drema Clinic พร้อมให้คำแนะนำ

จากข้อมูลทั้งหมดนี้ คงจะทำให้หลาย ๆ คนสามารถตัดสินใจได้แล้วว่า จะเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี? ซึ่งฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อก็นับว่ามีจุดเด่น และเหมาะกับบริเวณที่ต้องการฉีดที่แตกต่างกันไป ซึ่ง Drema Clinic แนะนำว่า หากไม่มั่นใจว่าจะเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ก็สามารถให้แพทย์ประเมินสภาพผิว บริเวณที่ต้องการฉีด และความเหมาะสม เพื่อแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะกับความต้องการของคุณที่สุดได้

และถ้าหากคุณยังไม่มีคลินิกที่ถูกใจ Drema Clinic ก็พร้อมให้บริการคุณอย่างเต็มที่! เพราะนอกจากเราจะเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐานแล้ว เรายังเลือกใช้แต่ฟิลเลอร์ของแท้ที่ผ่านการรับรองจากอย. ไทย อย่างยี่ห้อ Juvederm, Belotero, Restylane และ Neuramis นอกจากนี้ยังให้บริการโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ เพื่อให้ผู้มาใช้บริการพึงพอใจกับผลลัพธ์มากที่สุด อีกทั้งยังมีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงให้คุณเปรียบเทียบผลลัพธ์ได้อีกด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการจองคิวเข้ารับบริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ผ่านช่องทางดังนี้

Scroll to Top