ปัญหาขมับตอบ ขมับลึก เป็นปัญหาที่ทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน และดูมีอายุ รวมถึงเป็นโหงวเฮ้งใบหน้าที่ไม่ดีอีกด้วย ทำให้หลาย ๆ คนมองหาวิธีแก้ปัญหานี้ให้หายไป โดยหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ขมับ ซึ่งเป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน และดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมโหงวเฮ้งด้านการค้าขายและธุรกิจได้อีกด้วย
แต่ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ขมับเพื่อแก้ปัญหาขมับตอบ ขมับลึก ก็ต้องมีการศึกษาข้อมูลและข้อควรรู้ต่าง ๆ อย่างละเอียด ซึ่ง Drema Clinic ก็ได้รวบรวม 11 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ขมับมาไว้ในบทความนี้! ปัญหาขมับตอบ ขมับลึกเกิดจากอะไร? สามารถแก้ไขได้อย่างไร ฉีดฟิลเลอร์ขมับช่วยอะไร? อันตรายไหม? เหมาะกับใคร? ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันได้เลย!
1. ปัญหาขมับตอบ ขมับลึกเกิดจากอะไร?
ขมับ เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่างกระดูกหน้าผากและกระดูกโหนกแก้ม ซึ่งแต่ละคนจะมีลักษณะไม่เหมือนกัน บางคนมีขมับที่ดูสมส่วน ดูเต็มอิ่มรับกับใบหน้า บางคนมีขมับเป็นแอ่งลึก ขมับตอบ จนเห็นกระดูกโหนกแก้มชัดเจน หรือทำให้ใบหน้ามีลักษณะกะโหลก และทำให้ใบหน้าดูมีอายุ ซึ่งปัญหาขมับตอบ ขมับลึกสามารถเกิดขึ้นได้จาก 3 ปัจจัยหลัก ๆ ได้แก่
- อายุที่มากขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อและไขมันบริเวณขมับเกิดการฝ่อตัวลง รวมถึงทำให้ช่วงขมับเกิดการยุบตัว อายุที่มากขึ้นทำให้หระดูกบริเวณขมับทรุดตัวลง จนเกิดเป็นแอ่งลึกบริเวณขมับ
- โครงสร้างกระโหลกศีรษะของแต่ละบุคคล เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณขมับฝ่อ หรือเล็กกว่าปกติ จนไม่สมดุลกับผิวด้านนอก ทำให้เกิดเป็นรอยบุ๋มหรือแอ่งลึกบริเวณขมับ ส่วนมากจะเป็นมาแต่กำเนิด หรือการที่มีโหนกแก้มใหญ่จะทำให้ ขมับดูมีลักษณะตอบเช่นกัน
- การลดน้ำหนัก ไขมันมีหน้าที่พยุงผิวหนังเอาไว้ ดังนั้น เมื่อไขมันหายไปหรือมีจำนวนน้อยลง ก็จะทำให้ไม่มีส่วนที่ช่วยพยุงผิวหนังเอาไว้ ส่งผลให้ขมับตอบ หน้าตอบ และผิวหนังดูซูบ โทรมลง
2. ฟิลเลอร์ขมับคืออะไร? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
ฟิลเลอร์ขมับ คือ หัตถการปรับรูปหน้าที่ใช้วิธีฉีดสารเติมเต็ม หรือไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปยังผิวหนัง ไขมัน กระดูกบริเวณขมับ เพื่อเติมเต็มขมับที่เป็นแอ่งลึกให้ดูตื้นขึ้น และช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเป็นสัดส่วนมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ขมับจะช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ ดังนี้
- ขมับที่เป็นแอ่งลึก ดูตื้นขึ้น
- ช่วยอำพรางโหนกแก้มที่เด่นชัดให้มีความละมุนรับกับรูปหน้า
- หน้าผากด้านข้างดูเรียบเสมอกับแนวขมับ ทำให้ใบหน้าโดยรวมมีความละมุนมากขึ้น
- ใบหน้าดูหวาน ละมุน และดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
- ริ้วรอยบริเวณหางตาดูตื้นขึ้น
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวบริเวณขมับ
- ปรับโหงวเฮ้งใบหน้าให้ดีขึ้น
- หางตาที่ดูตกจะยกขึ้น
3. ฟิลเลอร์ขมับเหมาะกับใคร?
- เหมาะกับคนที่ลดน้ำหนัก แต่เนื้อใบหน้ายุบไปด้วยจนทำให้หน้าดูโทรม
- เหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนขึ้น
- เหมาะกับคนที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้งเพื่อเสริมสิริมงคลในด้านต่าง ๆ
- เหมาะกับคนที่ต้องการแก้ปัญหาโหนกแก้มใหญ่ ที่เกิดจากเนื้อขมับและเนื้อแก้มมีการยุบตัวลง
- เหมาะกับคนที่ต้องการปรับหางตาที่ดดูตกให้ยกขึ้น
4. ฟิลเลอร์ขมับไม่เหมาะกับใคร?
- ผู้หญิงที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีแพ้สารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ ฟิลเลอร์
- ผู้ที่เป็นโรคเลือดออกง่าย หยุดยากชนิดร้ายแรง
- ผู้ที่มีแผลเปิดบริเวณขมับ หากรักษาหายแล้วสามารถฉีดฟิลเลอร์ขมับได้
5. ฟิลเลอร์ขมับยี่ห้อไหนดี?
การฉีดฟิลเลอร์ขมับเพื่อปรับรูปหน้าให้ดูเติมเต็มขึ้น พิจารณาจากโมเลกุลของฟิลเลอร์ ขนาดใหญ่ เพราะเป็นบริเวณที่กว้าง มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำอิ่มฟูได้ดี มีประสิทธิภาพการยกผิวหรือ lifting ลิฟติ้ง ทำให้มีการยกบริเวณคิ้วหางตา สามารถปรับรูปทรงใบหน้าได้ ต้องมีความยืดหยุ่น แต่คงตัวเพราะเป็นบริเวณที่ไม่ได้ขยับ หากไม่คงตัว หลังฉีดไป เมื่อเราขยับหน้า ฟิลเลอร์จะเคลื่อนตัวหรือไหลได้
จะต้องมีการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะกับขมับ โดยฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมและเหมาะกับการฉีดบริเวณขมับมีดังนี้
Restylane
Restylane เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดนที่ผ่านการรับรองจาก FDA และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากแพทย์ทั่วโลก ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 8 รุ่น แต่รุ่นที่เหมาะกับการฉีดบริเวณขมับจะมีหลายรุ่นขึ้นกับใบหน้าคน ได้แก่
Restylane Lyft เป็นรุ่นที่มีส่วนผสมของยาชา ลักษณะเนื้อฟิลเลอร์มีความแข็ง ขึ้นทรงได้ดี มีความคงตัวสูง และสามารถยกกระชับผิวได้ดี เหมาะกับการเติมเต็มชั้นผิวให้อิ่มฟูยิ่งขึ้น สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน เหมาะสำหรับฉีดเพื่อเติมขมับและยกคิ้ว
Restylane Defyne เป็นรุ่นที่มีส่วนผสมของยาชา ลักษณะเนื้อฟิลเลอร์แข็งปานกลาง และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบาง สามารถอยู่ได้นาน 18 เดือน สามารถเติมเต็มวอลลุ่มได้ดี
Juvederm
Juvederm เป็นฟิลเลอร์จากอเมริกาที่ผ่านการรับรองจาก FDA และ อย.ไทย เป็นหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูง เพราะมีการผสมยาชาเอาไว้เรียบร้อย ทำให้เวลาฉีดจะไม่รู้สึกเจ็บ โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ขมับมี 3 รุ่น ได้แก่
Juvederm Ultra Plus เป็นรุ่นที่มีเนื้อฟิลเลอร์นิ่มและฟูมาก ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาร่องลึกต่าง ๆ ได้ดี เหมาะกับการนำมาฉีดบริเวณใต้ตา ขมับ ร่องแก้ม แก้มตอบ และร่องน้ำหมาก สามารถอยู่ได้นาน 12 เดือน
Juvederm Voluma เป็นรุ่นที่มีเนื้อฟิลเลอร์แข็ง ฟูในระดับปานกลาง และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการนำมาฉีดบริเวณใต้ตา คาง ขมับ และร่องแก้ม สามารถอยู่ได้นาน 18 เดือน
Juvederm Volift เป็นรุ่นที่มีเนื้อฟิลเลอร์แข็งปานกลาง เหมาะสำหรับคนที่ขาดวอลลุ่มไม่มาก ต้องการเติมเต็มและยกคิ้ว
Belotero
Belotero เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย ซึ่งเนื้อฟิลเลอร์จะมีความคงตัวสูง สามารถใช้ฉีดเสริมกระดูกและเนื้อเยื่อผิวหนังที่ยุบตัวลงตามวัยได้ โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ขมับได้แก่
Belotero Volume (กล่องม่วง) เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่มีความยืดหยุ่นและคงตัว เหมาะกับการฉีดปรับรูปหน้าบริเวณใต้ตา คาง และขมับ สามารถอยู่ได้นาน 18 เดือน
Belotero Intense (กล่องชมพู) เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เหมาะสำหรับ เติมเต็มกระดูก และยกคิ้ว หางตา สามารถอยู่ได้นาน 12 เดือน
Neuramis
Neuramis เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี โมเลกุลแข็งปานกลาง ยืดหยุ่นได้ดี สามารถนำมาฉีดได้หลายบริเวณและ เติมเต็มขมับได้ดี อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
6. ฟิลเลอร์ขมับฉีดกี่ CC?
ปริมาณที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ซึ่งจะขึ้นอยู่กับระดับความลึกของขมับ สภาพผิว การทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณขมับ และการประเมินของแพทย์ที่ทำการรักษา รวมถึงความต้องการของคนไข้ แต่โดยปกติแล้วปริมาณที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ขมับทั้ง 2 ข้างจะอยู่ที่ 2-4 CC
7. ฟิลเลอร์ขมับราคาเท่าไหร่?
ราคาของการฉีดฟิลเลอร์ขมับจะขึ้นอยู่กับปริมาณและยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ ซึ่งที่ Drema Clinic จะมีราคาเริ่มต้น 6,800 บาท สำหรับผู้ที่สนใจเข้าใช้บริการ สามารถสอบถามรายละเอียดและโปรโมชันเพิ่มเติม รวมถึงเข้ามาให้แพทย์ประเมินสภาพผิวที่ Drema Clinic ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- Neuramis ราคา 6,800
- Restylane Lyft ราคา 13,500 บาท/CC
- Restylane Defyne ราคา 14,500 บาท/CC
- Juvederm Volift 15,000 บาท/ CC
- Juvederm Voluma ราคา 16,000 บาท/CC
- Belotero Volume ราคา 12,000 บาท/CC
8. วิธีเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ขมับ
สำหรับคนที่ฉีดฟิลเลอร์ขมับเป็นครั้งแรก แล้วยังไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวยังไง สามารถทำตามวิธีเหล่านี้ได้เลย
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ขมับ รวมถึงเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน โดยดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงของคลินิกนั้น ๆ
- งดการทานยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ยาละลายลิ่มเลือด และวิตามิน
- งดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว และงดการแว็กซ์ขนบริเวณใบหน้า
- งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด รวมถึงกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าสัมผัสกับความร้อนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- หากมีโรคประจำตัว มีอาการแพ้ของผิวหนังบริเวณที่จะฉีด หรือสงสัยว่ามีการตั้งครรภ์ ต้องแจ้งแพทย์ก่อนทำหัตถการ
9. ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ขมับ
เมื่อคุณเลือกคลินิกที่ต้องการได้แล้ว และตัดสินใจเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ขมับ จะมีขั้นตอนดังนี้
- จุดเด่นของเดรม่าคลินิก จะมีการประเมินรูปหน้าด้วยเครื่องแสกน 3D เพื่อคนไข้สามารถเห็นภาพ จุดบกพร่องของใบหน้า ประเมิณ ปริมาณฟิลเลอร์ที่จะเติมเต็มได้อย่างแม่นยำ
- แพทย์ทำการประเมินสภาพผิวและปัญหาที่คนไข้กังวล เพื่อประเมินว่าสามารถทำการรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ขมับได้หรือไม่ มีข้อห้ามหรือไม่
- หากสามารถปรับรูปหน้าด้วยการฉีดฟิลเลอร์ขมับได้ แพทย์จะแจ้งปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีด ทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีดให้เรียบร้อย แล้วทำการแปะยาชาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บขณะทำหัตถการ
- เมื่อทายาชาครบเวลาที่กำหนดแล้ว แพทย์จะทำความสะอาดผิวอีกครั้ง แล้วทำการฉีดฟิลเลอร์ขมับตามแผนการรักษา โดยจะต้องอยู่ในท่านั่งหรือนอนเอียงศีรษะให้อยู่ระดับสูงกว่าหัวใจ ซึ่งหลังทำสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ในทันที
10. การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ
นอกจากการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ขมับจะมีความสำคัญแล้ว การดูแลตัวเองหลังฉีดก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับมีดังนี้
- หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับให้ประคบเย็นด้วยแผ่นเจล หรือผ้าห่อน้ำแข็งประมาณ 10 นาที ทุก ๆ ชั่วโมง 2-3 ชั่วโมง
- หลังฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับ อาจมีอาการบวมแดง หรือเขียวช้ำบริเวณที่ฉีด แต่สามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน และควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสในบริเวณที่ฉีด
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าสัมผัสกับความร้อน เช่น การตากแดดเป็นเวลานานการออกกำลังกายกลางแจ้ง การซาวน่า การทำเลเซอร์ผิว การอาบน้ำร้อนจัด เป็นต้น
- ในช่วง 3 วันหลังจากฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการขยับผิวที่มากกว่าปกติบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวจนอยู่ผิดตำแหน่ง
- หลังฉีด 1 วัน ควรงดการแต่งหน้า งดทาผลิตภัณฑ์ต่างๆ บริเวณที่มีรอยเข็ม ป้องกันการติดเชื้อบริเวณรูเข็ม
- ดื่มน้ำให้มาก ๆ เพราะ ไฮยารูรอนิก แอซิด เป็นสารอุ้มน้ำ เพื่อให้ฟิลเลอร์คงสภาพได้ดียิ่งขึ้น และฟูตัวได้มากขึ้น
- ในช่วง 2-3 วันแรกควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคง หรือบีบนวด เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว หรือนอนทับจนเสียรูป
- หลีกเลี่ยงการแกะ เกา แนว หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ขมับ
- หากมีอาการปวดหัวหลังฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับ อาการนี้จะหายไปเองภายใน 1-2 วัน และหากมีอาการปวดค่อนข้างมากสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
- เนื่องจากฟิลเลอร์อยู่ใต้ชั้นกล้ามเนื้อซึ่งทำหน้าที่เป็นกล้ามเนื้อเคี้ยว หลังจากฉีดฟิลเลอร์ไป 2-3 วัน อาจจะรู้สึกเมื่อย และตึงบริเวณขมับ ขณะเคี้ยวของแข็งๆ ได้
11. การฉีดฟิลเลอร์ขมับ vs การฉีดไขมัน แตกต่างกันอย่างไร vs การศัลยกรรมเสริมขมับ?
การฉีดไขมันขมับ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถแก้ปัญหาขมับตอบ ขมับลึกได้ ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่า แล้วการฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับ และการฉีดไขมันบริเวณขมับมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันยังไง เราไปดูกันเลย
การฉีดฟิลเลอร์ขมับ
- เป็นหัตถการปรับรูปหน้าโดยการใช้สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid ที่มีความปลอดภัย
- ใช้เทคนิคการฉีดชิดกระดูก ซึ่งจะช่วยเติมเต็มร่องลึกบริเวณขมับได้ดี
- ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน
- หลังฉีดสามารถเห็นผลได้ทันที
- ใช้เวลาในการฉีดไม่นาน ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถกลับบ้านได้ทันที
- ฟิลเลอร์สามารถสลายได้หมดโดยไม่ตกค้างอยู่ในร่างกาย และสามารถกลับมาฉีดซ้ำได้เรื่อย ๆ
- หากฉีดฟิลเลอร์ขมับแล้วไม่พอใจผลลัพธ์ สามารถฉีดสลายได้ซึ่ง เห็นผลภายใน 72 ชั่วโมง
การฉีดไขมันขมับ
- เป็นการดูดไขมันของตัวเองจากบริเวณอื่น มาผ่านกระบวนการตรวจเช็กและปั่นแยกเป็นของเหลวเพื่อนำมาฉีดบริเวณขมับ
- ลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ เพราะใช้ไขมันของตัวเอง
- มีแผลในบริเวณที่ดูดไขมันเพื่อนำมาฉีด
- ต้องทำซ้ำหลายครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน แต่สามารถอยู่ได้นาน
- อาจเกิดปัญหาผิวไม่เรียบเสมอกัน
- หากเติมไขมันมากเกินไป ชั้นผิวจะถูกยืดออกมามากเกินพอดี ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ และผิวดูหย่อนลง
- ไม่สามารถฉีดเติมเต็มในส่วนที่กระดูกยุบตัวลงได้
- ไม่สามารถฉีดสลายได้
การศัลยกรรมขมับ
- เป็นการผ่าตัดใส่โลหะ หรือเนื้อเยื่อเทียมบริเวณขมับ
- ต้องพักฟื้น และมีอาการบวมได้ 1-3 เดือน
- ผลลัพธ์ อยู่ถาวร
- หากไม่พอใจผลลัพธ์ ต้องทำการผ่าตัดแก้ไข
- มีรอยเย็บและแผลผ่าตัดได้ ไม่แนะนำในคนที่มีประวัติคีลอยด์
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ขมับจากผู้ใช้บริการจริงกับ Drema Clinic
FAQ: รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ขมับ
1. ฉีดฟิลเลอร์ขมับแล้วบวม กี่วันหาย?
หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับอาจมีอาการบวมแดง หรือเขียวช้ำประมาณ 3 วัน ซึ่งอาการนี้จะค่อย ๆ หายไปเอง
2. ฉีดฟิลเลอร์ขมับ กี่วันเข้าที่?
หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับจะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 1 สัปดาห์
3. ฉีดฟิลเลอร์ขมับแล้วปวดหัว เกิดจากอะไร?
การที่เราฉีดฟิลเลอร์ขมับแล้วปวดหัว เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้และไม่มีความรุนแรง โดยเป็นผลข้างเคียงมาจากเนื้อฟิลเลอร์ที่แทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อบริเวณขมับ ร่วมกับอาการบวมของเข็ม จนทำให้เกิดอาการปวดหัวตามมา ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการทานยาแก้ปวด
4. หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ นอนตะแคงได้ไหม?
ควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงในช่วง 1 สัปดาห์แรกในคนที่มีอาการปวดศีรษะ แต่โดยทั่วไปสามารถนอนตะแคงได้ หากเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ถูกชั้นผิว และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ โอกาสการเคลื่อนของฟิลเลอร์น้อยมาก
5. ฉีดฟิลเลอร์ขมับเจ็บไหม?
การฉีดฟิลเลอร์ขมับจะมีความเจ็บในระดับที่ทนได้ นอกจากนี้ฟิลเลอร์บางรุ่นยังมีส่วนผสมของยาชา ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บขณะฉีดได้ แต่หากมีความกังวลก็สามารถแจ้งแพทย์ที่ทำการฉีดเพื่อทายาชาเพิ่มได้เช่นกัน โดยทั่วไปคนไข้สามารถทนความเจ็บแบบไม่ต้องทายาชาได้
ไม่รู้จะฉีดฟิลเลอร์ขมับที่ไหนดี? ไว้ใจ Drema Clinic ไม่มีผิดหวัง!
การฉีดฟิลเลอร์ขมับเป็นหัตถการปรับรูปหน้าที่นับว่าตอบโจทย์กับคนที่มีปัญหาขมับลึก ขมับตอบ หรือโหนกแก้มเด่นเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดแล้ว ยังสามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำได้ทันที และเห็นผลลัพธ์ได้นาน อีกทั้งยังเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งจะช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงหลังทำได้
สุดท้ายนี้ สำหรับคนที่กำลังมองหาคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน และเลือกใช้แต่ฟิลเลอร์ของแท้ รวมถึงให้บริการโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ แพทย์ผิวหนัง Drema Clinic ก็พร้อมให้บริการอย่างเต็มที่ หากสนใจจองคิวเข้าใช้บริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ผ่านช่องทางดังนี้
- โทร: 080-992-6964
- Facebook: Drema Clinic Aesthetics & Laser
- LINE: @dremaclinic
- Instagram: drema.clinic
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/5fcMQwpMyHodi5Ui8